737

ชุมชนบ้านยางงอย จังหวัดนครพนม

“ฟื้นป่าศักดิ์สิทธิ์ริมแม่น้ำสงคราม สร้างคุณภาพชีวิตที่มั่นคง”


ชุมชนบ้านยางงอย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ญ้อที่อาศัยริมแม่น้ำสงคราม แวดล้อมระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งป่าบุ่ง ป่าทาม ดอน ป่าโคก ที่ใช้ประโยชน์อย่างไม่มีกติกา จนกระทั่งเข้าร่วมงานวิจัยกับองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ประเทศไทย และสำนักงานป่าไม้นครพนม เกี่ยวกับนิเวศวิทยาและประวัติศาสตร์ชุมชนป่าบุ่งป่าทามในแม่น้ำสงครามตอนล่าง ซึ่งจุดเริ่มต้นในการทำงานอนุรักษ์เกิดจากชุมชนได้เข้าอบรมกับเครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) เพื่อเติมความรู้ด้านการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีความหลากหลายกว่า 1,926 ไร่ เมื่อปี 2566 คือ หนอง ทำวังปลา ป่าทาม เป็นแหล่งอาหาร ที่ดอน เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ป่าโคก เป็นไม้ใช้สอยและเป็นป่าวัฒนธรรม หลังจากได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวได้มีการอนุรักษ์อย่างต่อเนื่องจนพื้นที่ป่าขยายเป็น 2,083 ไร่ และสร้างแนวร่วมการทำงานอนุรักษ์เพิ่มอีก 3 ตำบลในอำเภอสงคราม


ที่มาของชุมชนบ้านยางงอย

เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ญ้อที่อาศัยริมแม่น้ำสงคราม บรรพบุรุษอพยพมาจากเมืองโป่ง สาและปุ่งลิง ประเทศลาว เมื่อปี 2390 (166 ปีก่อน) เริ่มแรกอพยพมาประมาณ 10 ครอบครัวและขยายตัวเป็นหมู่บ้าน โดยแยกการปกครองเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 3 (ตั้งในปี 2537) และหมู่ที่ 10 (แยกในปี 2543) มีจำนวนครัวเรือนกว่า 200 ครอบครัว มีพื้นที่ตั้งบ้านเรือน ร้อยละ 3 ของพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 10,000 ไร่ พื้นที่เกษตรกรรมเกินกว่าครึ่ง นอกนั้นเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์และป่าชุมชน ญ้อหรือไทญ้อ เป็นชาติพันธุ์ผู้ไท ซึ่งเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ในจังหวัดสกลนครและนครพนม มีภาษาพูดเหมือนภาษาลาวแต่มีสำเนียงที่ต่างกัน คือ น้ำเสียงสูงและอ่อนหวาน ซึ่งมีวิถีการดำรงชีพบนฐานวัฒนธรรมที่เชื่อมกับดิน น้ำ ป่า และในปี 2390 มี 3 ครอบครัวเข้ามาตั้งบ้านเรือนในพื้นที่ป่าโคกวังยาง ซึ่งเป็นการบุกรุกป่า ดังนั้นชุมชนจึงให้พื้นที่ทำกิน 400 ไร่ เพื่อแลกกับการไม่ให้ไม่บุกรุกป่าอีก และในปี 2548 มีคนที่สติไม่ดีบุกรุกป่า ผู้นำชุมชนได้จัดการปัญหาดังกล่าวและได้พื้นที่ป่าที่บุกรุกคืน

สำหรับชื่อ “บ้านยางงอย” ตั้งตามลักษณะภูมิประเทศที่มีต้นยางนา ยางแดงที่ “งอย” ตามแนวตลิ่งแม่น้ำสงคราม คำว่า “งอย” เป็นภาษาพื้นบ้าน แปลว่า ติดขอบ ด้วยความเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์ เพราะที่ตั้งชุมชนอยู่ริมแม่น้ำสงคราม มีป่าหลากหลายระบบนิเวศ ชุมชนบ้านยางงอยหลังจากทำงานวิจัยร่วมกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ประเทศไทย และแกนนำชุมชนเข้าอบรมกับเครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) จึงได้จัดรูปแบบการบริหารจัดการป่าตามสภาพภูมินิเวศอย่างเป็นรูปธรรม คือ หนอง ทำวังปลา ป่าทาม อนุรักษ์เป็นแหล่งอาหาร ที่ดอน เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ ,ป่าโคก เป็นไม้ใช้สอยและเป็นป่าวัฒนธรรม

ความโดดเด่นของผลงานช่วงรางวัลลูกโลกสีเขียวประเภทชุมชน ปี 2556

1. ชุมชนบ้านยางงอย มีความเชื่อของศาลปู่ตาในการปกป้องคุ้มครองป่า ทำให้ไม่มีใครกล้าบุกรุกและตัดไม้ ทำให้ระบบนิเวศของป่าดิบแล้ง ป่าชายน้ำ ป่าทาม และป่าชุ่มน้ำยังคงสมบูรณ์ เอื้อประโยชน์กับการดำรงชีวิตของชาวบ้าน การแบ่งป่าตามสภาพภูมินิเวศเพื่อบริหารจัดการ จำนวน 6 ผืน มีพื้นที่ป่าทั้งหมด 8 แปลง พื้นที่ 1,926 ไร่ แบ่งเป็นป่าตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) จำนวน 7 แปลง และตามพรบ.ป่าไม้ จำนวน 1 แปลง โดยมีรายละเอียดดังนี้

1.1 ป่าดอนหลวงพระบาง เป็นป่าเบญจพรรณ พื้นที่ 83 ไร่ 2 งาน 71 ตารางวา มีต้นไม้ใหญ่อายุหลายร้อยปี อาทิ ยาง ตะเคียน กะบาก สะแบง ยางเหียง รวมทั้งป่าไผ่ และป่าผืนนี้ไม่เคยถูกบุกรุก

1.2 ป่าช้าดอนบ้านยางงอย (ดอนป่าแฮ่ว) พื้นที่ 25 ไร่ 3 งาน 31 ตารางวา เป็นป่าที่เกิดขึ้นพร้อมกับการตั้งบ้านยางงอย มีไม้ที่ชุมชนชนอนุรักษ์ไว้ไม่ให้ตัดทำลาย ปล่อยให้หักโค่นเอง

1.3 ป่าโคกพะทาย พื้นที่ 378 ไร่ 2 งาน 36 ตารางวา มีความสำคัญต่อชาวบ้านยางงอยและหมู่บ้านรอบข้าง เพราะเสมือนตลาดสด จึงอนุรักษ์ไว้เป็นป่าใช้สอย เป็นป่าโปร่งเบญจพรรณ ดินปนทราย มีพันธุ์ไม้หลากหลาย ทั้งไม้ใช้สอยและไม้ยืนต้น

1.4 ป่าโคกวังยาง พื้นที่ 600 ไร่ ป่าผืนนี้มีลักษณะเป็นป่าเบญจพรรณ ดินปนทรายมีความอุดมสมบูรณ์เนื่องจากการทับถมของซากพืช ชาวบ้านเรียกป่านี้ว่า โคกป่าซาด เพราะมีต้นซาดหรือต้นยางเหียงจำนวนมาก มีขนาดกลางอายุประมาณ 50 ปี

1.5 ป่าทามหนองจอกและป่าทามหนองจอกหมากแซว ป่าทามหนองจอก มีพื้นที่ 511 ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา ส่วนป่าทามหนองจอกหมากแซว มีพื้นที่ 240 ไร่ 2 งาน 24 ตารางวา ป่าทามทั้งสองแห่ง มีพื้นที่ติดต่อกันยาวตามแม่น้ำสงคราม และที่ราบลุ่มแม่น้ำ ในฤดูน้ำหลากจะมีน้ำท่วมขัง ช่วงเดือนมิถุนายนถึงกันยายน

1.6 ป่าหนองเบ็น และป่าหนองโดน ป่าหนองเบ็น มีพื้นที่ 30 ไร่ 83 ตารางวา ส่วนป่าหนองโดน (ทำเลเลี้ยงสัตว์) มีพื้นที่ 56 ไร่ 2 งาน 51 ตารางวา เดิมป่าสองผืนนี้เป็นป่าบุ่งป่าทาม จนกระทั่งปี พ.ศ. 2554 มีการขุดลอกคลองเพื่อใช้น้ำในการทำนาปลังทำให้ป่าเสื่อมโทรม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการฟื้นฟู

2. การบริหารจัดการน้ำที่ใช้ประโยชน์และกระจายน้ำด้วยหลักแรงโน้มถ่วงของโลก ช่วยลดต้นทุนการทำนาปรังของเกษตรกร “วังปลาในแม่น้ำสงคราม” ระยะทาง 800 เมตร เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ปลาจากแม่น้ำโขง เป็นแหล่งอาหารและสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน การรักษาป่าบุ่งป่าทามติดริมแม่น้ำสงครามและวิถีชีวิต เพื่อรักษาสมดุลระบบนิเวศ และเพาะพันธุ์กล้าไม้ เช่น ยางนา แดง ประดู่ ตะเคียน เป็นต้น เพื่อปลูกเสริมในพื้นที่ป่าโคกวังยาง   

3. แกนนำชุมชนและชาวบ้านมีความเข้มแข็ง สามัคคีและมีการใช้ระบอบประชาธิปไตยผ่านเวทีชุมชนในการบริหารจัดการ องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสงครามและหน่วยงานภาคีให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ รักษาระบบนิเวศและทรัพยากรดิน น้ำ ป่า จึงได้ตั้งคณะกรรมการในการบริหารจัดการชุมชนและการพัฒนาครอบคลุมเรื่องกองทุนและกลุ่มอาชีพ ซึ่งกองทุนชุมชนและกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตบ้านยางงอย มีเงินทุนหมุนเวียนให้สมาชิกกู้ยืม จำนวน 3 ล้านบาท

4. หน่วยงานภาคี ภาครัฐและเอกชน ด้วยพื้นที่ชุมชนบ้านยางงอยมีความหลากหลายทางระบบนิเวศ จึงเป็นที่สนใจของหน่วยงานต่างๆ ในการเข้ามาทำกิจกรรมและศึกษางานวิจัยในชุมชน ซึ่งส่งผลอันเป็นประโยชน์ให้กับชุมชนบ้านยางงอยและชุมชนใกล้เคียง เช่น “วิจัยไทบ้าน” ร่วมกับสหภาพสากลเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) และสำนักงานป่าไม้จังหวัดนครพนม ศึกษานิเวศวิทยาและประวัติศาสตร์ป่าบุ่งป่าทามในพื้นที่ลุ่มน้ำสงครามตอนล่าง  

การปรับเปลี่ยนหลังจากได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทชุมชน ปี 2556

1. ชุมชนบ้านยางงอยรักษาและเพิ่มพื้นที่ป่าจนมีพื้นที่ป่าทั้งหมด 10 แปลง (2,083 ไร่) แบ่งเป็นป่าตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) จำนวน 7 แปลง ซึ่งเป็นป่าสำหรับป่าศักดิ์สิทธิ์ ป่าใช้สอย แหล่งอนุบาลลูกปลา และป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (พรบ.ป่าไม้) พุทธศักราช 2484 จำนวน 3 แปลง ซึ่งเป็นป่าสำหรับอนุรักษ์เพื่อเป็นป่าใช้สอยไม้ฟืน อีกทั้งยังมีการขยายเขตอนุรักษ์พันธุ์ปลาในแม่น้ำสงคราม ทำวังปลาในแม่น้ำสงครามเป็นระยะทางประมาณ 1,000 เมตร และเพาะพันธุ์กล้าไม้ เพื่อปลูกเสริมในพื้นที่ป่าโคกวังยาง (ตั้งแต่ปี 2546 - ปัจจุบัน รวม 20 ปี) 

2. การพัฒนาและยกระดับการบริหารจัดการน้ำในการทำนาปรัง โดยการใช้หลักแรงโน้มถ่วงของโลกร่วมกับการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) จำนวน 4 แผง เข้าพัฒนางานด้านการบริหารจัดการน้ำ โดยการสูบน้ำเพื่อกักเก็บก่อนปล่อยลงสู่แปลงนา เพื่อใช้สำหรับการทำนาปรังประมาณ 600 ไร่ และทำแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำฝน คือ ห้วยมะเจียงและห้วยสวนม้อน รวมทั้งแกนนำหญิงได้ขยาย “วังปลาในแม่น้ำสงคราม” จากระยะทาง 0.8  เป็น 1 กิโลเมตร เป็นแหล่งขยายพันธุ์ปลา แหล่งอาหารของชุมชน และย้ายกระชังปลาจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำ เพื่อรักษาระบบนิเวศ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการใช้น้ำดีขึ้น

3. องค์การบริหารส่วนตำบลศรีสงครามและหน่วยงานภาคี ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ต่อเนื่อง และได้รับการสนับสนุนกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการศึกษานวัตกรรมในการตากปลา เพื่อป้องกันแมลงวัน โดยใช้ตู้อบปลาแห้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ ร่วมกับศึกองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF Thailand)  

 

ชุมชนบ้านยางงอย

ที่อยู่ : เลขที่ 151 หมู่ 10 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

ประสานงาน : นางดรุณี สิงห์แขก (ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10) โทร. 093 507 9316

ประชากร : มีประชากรทั้งหมด 1,058 คน (232 ครัวเรือน) คือ หมู่ 3 มีประชากร 634 คน (116 ครัวเรือน) เพศชาย จำนวน 297คน เพศหญิง จำนวน 327 คน และหมู่ 10 มีประชากร 434 คน (116 ครัวเรือน)  เพศชาย จำนวน 220 คน เพศหญิง จำนวน 214 คน

พื้นที่ดำเนินการ : มีผืนป่า 10 แปลง มีเนื้อที่รวม 2,083-0-68 ไร่ มีรายละเอียดดังนี้

  1. ป่าชุมชนตามหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) พื้นที่ 1,328 ไร่
    1. ทำเลเลี้ยงสัตว์ทุ่งหนองจอก         มีพื้นที่ 511 ไร่ 3 งาน 32 ตารางวา
    2. ป่าโคกพระทาย                         มีพื้นที่ 378 ไร่ 2 งาน 76 ตารางวา เป็นป่าใช้สอย และทำเลเลี้ยงสัตว์ในฤดูน้ำท่วมทุ่ง
    3. ป่าหนองจอก                            มีพื้นที่ 240 ไร่ 2 งาน 24 ตารางวา มีพื้นที่ติดต่อกันเป็นแนวยาวตามลำน้ำสงคราม
    4. ป่าดอนปู่ตา (เดิมชื่อป่าดอนหลวงพระบาง)    มีพื้นที่ 83 ไร่ 2 งาน 71 ตารางวา เป็นพื้นที่ป่าศักดิ์สิทธิ์ (ดอนหอ/ดอนปู่ตา)
    5. ทำเลเลี้ยงสัตว์ทุ่งหนองโดน         มีพื้นที่ 56 ไร่ 2 งาน 51 ตารางวา
    6. ป่าหนองเบ็น                             มีพื้นที่ 30 ไร่ 83 ตารางวา
    7. ป่าช้าดอนบ้านยางงอย                มีพื้นที่ 25 ไร่ 3 งาน 31 ตารางวา เป็นพื้นที่ฌาปนสถานของหมู่บ้าน
  2.  พื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (พรบ.ป่าไม้) พุทธศักราช 2484 ดังนี้ 755 ไร่ โดยเป็นป่าใช้สอยพวกไม้ฟืน
    1. ห้วยหนองหมาแดง          มีพื้นที่ 135 ไร่ 2 งาน 36 ตารางวา
    2. ป่าโคกวังยาง 1              มีพื้นที่ 525 ไร่ มีต้นซาดจำนวนมาก และมีต้นตะเคียน ยาง และพะยูงเป็นต้น
    3. ป่าโคกวังยาง 2              มีพื้นที่ 525 ไร่ ตารางวา
  3. ระยะเวลาในการอนุรักษ์: ตั้งแต่ปี 2545 - ปัจจุบัน (รวม 21 ปี)


737