ชุมชนบ้านซำหวาย จังหวัดอุบลราชธานี
ชุมชนอนุรักษ์ป่าน้ำซับ เพื่อคน สัตว์ป่า และระบบนิเวศ
ชุมชนตำบลซำหวาย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ หรือเขตเทือกเขาพนมดงรัก
และอยู่ติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดม กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำไหลลงสู่ห้วยพระเจ้า ห้วยวังใหญ่ และห้วยบอน น้ำในห้วยน้อยใหญ่นี้ได้สร้างภูมินิเวศที่เรียกว่า “ซำ” หรือน้ำซับใต้ดิน ส่วนหวายชื่อไม้เครือ (เถา) ที่ชอบขึ้นอยู่ในที่ความชื้นสูง กลายเป็นชื่อชุมชนซำหวายที่สะท้อนภาพธรรมชาติแวดล้อมในท้องถิ่น
ป่าของชุมชนตั้งอยู่ระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ายอดโดมและพื้นที่ทำกิน สภาพที่ตั้งจึงมีลักษณะเป็น “ป่ากันชน” ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ภายหลังได้รางวัลลูกโลกสีเขียว ประเภทชุมชน ในปี 2561 ของชุมชน ผู้นำและคณะกรรมการป่าชุมชนได้เจรจาขอความร่วมมือจากกลุ่มผู้เลี้ยงวัว ควาย ให้นำสัตว์เลี้ยงกว่า 300 ตัว ออกจากเขตป่า โดยใช้เหตุผลเพื่อการอนุรักษ์ ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์เลี้ยงสู่สัตว์ป่า เนื่องจากพื้นที่ป่าเป็นรอยต่อกับอนุรักษ์และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายาก เช่น กูปรี ที่คาดสูญพันธุ์ไปจากประเทศ
การดำเนินกิจกรรมฟื้นฟูและรักษาสมดุลของนิเวศน้ำซับ ด้วยการทำฝายชะลอน้ำที่เน้นใช้วัสดุทางธรรมชาติ และการสร้างบ่อรีชาร์จน้ำ เพื่อชะลอการไหลของน้ำในช่วงหน้าฝน และกักเก็บน้ำไว้ ช่วยคงปริมาณน้ำในธรรมชาติให้เพียงพอสำหรับเป็นแหล่งเพาะพันธุ์และอนุบาลปลาอีไท ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นที่พบมากในพื้นที่ ด้านพืชพันธุ์ต่าง ๆ เจริญงอกงาม โดยเฉพาะต้นคอนแคนหรือผักหวานดง เป็นพืชริมน้ำที่เจริญเติบโตได้ดี รวมถึงเป็นแหล่งน้ำให้แก่สัตว์ป่า ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านพบสัตว์ป่าเข้ามาหากินในป่าชุมชนบ่อยครั้งขึ้น
การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืน นำหลักการบูรณาการทำงาน 4 ประการ คือ (1) ป่า: ใช้ภูมิปัญญาและความเชื่อดั้งเดิมเข้ามาดูแลรักษาป่า (2) บ้าน: สร้างกติกาและส่งเสริมการมีส่วนร่วม (3) ท้องถิ่น: จัดสรรงบประมาณประจำปีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงาน (4) ความรู้: งานวิจัยเพื่อพัฒนาและยกระดับการจัดการป่าชุมชน ในพื้นที่ป่ารับผิดชอบ 942 ไร่ แบ่งเป็น 2 แปลง แปลงที่ 1 จำนวน 516 ไร่ ได้รับการขึ้นทะเบียนป่าชุมชนแล้ว และแปลงที่ 2 จำนวน 426 ไร่ อยู่ระหว่างกระบวนการขอขึ้นทะเบียนป่าชุมชน นอกจากนี้ยังได้ขยายความร่วมมือเป็นเครือข่ายป่าชุมชนในตำบลสีวิเชียร และตำบลโดมประดิษฐ์ ซึ่งมีพื้นที่ร่วมกว่า 250 ไร่ เพื่อต่อยอดความสำเร็จในการอนุรักษ์ รวมถึงพื้นที่ป่าชุมชนบ้านแปดอุ้มทุ่งสมเด็จ มีพื้นที่ป่า จำนวน 3,209 ไร่ ผู้นำชุมชนมีความเข้มแข็ง รักใคร่สามัคคี ให้ความเคารพนับถือและเรียนรู้กับผู้นำรุ่นก่อน ชุมชนสนใจพัฒนาอาชีพและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในพื้นที่ เช่น กศน. สำนักงานเกษตรอำเภอ เป็นต้น
ที่มาของชุมชนบ้านซำหวาย
บ้านซำหวาย ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ 1,043-0-93 ไร่ ก่อตั้งขึ้นโดยการนำของคุณพ่อออง สะนัย และคุณพ่อเม็ง มะลา ได้ชักชวนญาติพี่น้องและชาวบ้านจากชุมชนใกล้เคียง ได้แก่ บ้านจักแจก บ้านบอน มาตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณทุ่งซำหวาย และตั้งบ้านเรือนเป็นชุมชนชื่อว่า “บ้านซำหวาย” พื้นที่บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติเป็นอย่างมาก ปลายปี พ.ศ. 2466 ราชการได้ประกาศรับรองตั้งเป็นหมู่บ้าน “น้ำทรัพย์หวาย” หรือภาษาอีสานหมายถึงหมู่บ้าน “คำหวาย” ต่อมาปี พ.ศ. 2467 ได้มีการจัดตั้งหมู่บ้านใหม่ โดยใช้ชื่อว่าบ้าน “ซำหวาย” หมู่ที่ 3 ตำบลโซง อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่ป่าแห่งนี้มีความอุดมสมบูรณ์ เป็นป่าทึบที่มีพันธุ์ไม้และผักพื้นถิ่นหลากหลายชนิด รวมถึงสัตว์ป่า เช่น กระต่าย กระจง สุนัขจิ้งจอก นกยูง หรือแม้แต่ช้างป่า นอกจากนี้ยังมีปลาอีไท ดอกกระเจียว ดอกไม้ป่า และกุหลาบป่า อีกด้วย
ชื่อบ้านซำหวาย สะท้อนภาพธรรมชาติแวดล้อมในท้องถิ่นที่บ่งบอกความชุ่มชื้นอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศดิน น้ำ และพืชพรรณต่าง ๆ ในป่าได้ดี ซึ่งมีความหมายว่า
ซำ-ในภาษาท้องถิ่นอีสานหมายถึงพื้นภูมิดินที่มีน้ำซับไหลขึ้นมาจากใต้ดินเสมอตลอดเวลา และจะมีความหมายคล้าย ใกล้เคียงกับคำว่า น้ำซึม, น้ำซับ, และน้ำคำ ฯลฯ ที่ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ช่วยหล่อเลี้ยงพืชพรรณให้เจริญงอกงามร่มรื่น เป็นแหล่งน้ำให้สัตว์ป่า สัตว์ปีก แมลง และคนเดินป่าได้อาศัยดื่มกินและปรุงอาหาร ซักล้าง ฯลฯ
หวาย-เป็นชื่อไม้เครือ (เถา) ขึ้นเป็นกอ ลำต้นทอดเลื้อยยาว กาบมีหนาม แต่ผิวเกลี้ยง ในท้องถิ่นอีสานเรียกว่า เครือหวาย มีชื่อเรียกต่างชนิดกัน เช่น หวายหลึม หวายขม หวายหางหนู หวายสะวัง หวายชะลอย ฯลฯ หน่อยอดใช้ปรุงอาหาร มีรสขมแซบ, เนื้อไม้และลำเครือมีความเหนียวทนทาน ใช้เป็นวัสดุผูกมัด และสร้างงานช่างฝีมือ จักสานได้ดีมีความคงทน
ดังนั้น ที่ได้ชื่อว่า บ้านซำหวาย ก็เพราะเห็นความสำคัญของน้ำซำในป่าที่อุดมร่มรื่นและมีไม้เครือหวายที่เป็นประโยชน์ในชีวิตสังคมมาแต่อดีต
ความโดดเด่นของผลงานรางวัลลูกโลกสีเขียวประเภทชุมชน ครั้งที่ 19 พ.ศ.2561
จากผลการการศึกษา “โครงการวิจัยเพื่อการจัดการป่าชุมชนซำหวายโดยการมีส่วนร่วม ตำบลสีวิเชียร อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี” โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ฝ่ายวิจัยเพื่อท้องถิ่น ระบุถึงการบริหารจัดการป่าของชุมชน ซึ่งเป็นพื้นที่มีลักษณะเป็น “ป่ากันชน” ระหว่างพื้นที่อนุรักษ์และพื้นที่ทำกิน โดยการจัดการพื้นที่ในลักษณะนี้ช่วยป้องกันการบุกรุกทำลายป่า ลดการเผชิญหน้าหรือความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐ สามารถจัดสรรและเข้าไปใช้ประโยชน์ตามวิถีชาวบ้าน มีการป้องกันไฟป่า ทำแนวกันไฟ กิจกรรมเฝ้าระวังไฟป่า ที่สำคัญคือการจัดทำฝายชะลอน้ำ เพื่อกักเก็บน้ำเพิ่มความชุ่มชื่นให้ป่า การพัฒนาปรับปรุงฝายเป็นการขุดหลุมเพื่อให้น้ำไหลลงในชั้นดิน โดยน้ำจะไหลผ่านชั้นดิน ชั้นหิน ลงไปด้านล่างระยะทางกว่า 10 เมตร การสงวนและการอนุรักษ์ปลาอีไท (ภาษาถิ่น) เตื้อนไตรเกร๊าะ (ภาษาเขมร) ปลาสร้อยนกเขา (ภาษากลาง) ซึ่งเป็นปลาชนิดหนึ่งในวงปลาตะเพียน
การปรับเปลี่ยนหลังจากได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียวประเภทชุมชน ครั้งที่ 19 พ.ศ.2561
ชุมชนได้แก้ไขปัญหาสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ป่าชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำวัวควายกว่า 300 ตัว ออกจากพื้นที่ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับเขตอนุรักษ์ที่มีความสำคัญ โดยใช้เหตุผลเพื่อการอนุรักษ์ ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคจากสัตว์เลี้ยงสู่สัตว์ป่า เนื่องจากพื้นที่ป่าเป็นรอยต่อกับอนุรักษ์และเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าหายาก เช่น กูปรี ที่คาดสูญพันธุ์ไปจากประเทศ
การพัฒนาด้านการจัดการน้ำ ชุมชนใช้ความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และลองผิดลองถูก ผสมผสานกับหลักวิชาการ เพื่อเพิ่มและรักษาปริมาณน้ำในธรรมชาติ สร้างป่าที่เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ปลาอีไท ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่น รวมถึงเป็นแหล่งน้ำแก่สัตว์ป่า และขยายพันธุ์พืชท้องถิ่นให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น อย่างต้นคอนแคน หรือผักหวานดง ซึ่งเป็นพืชริมน้ำชนิดหนึ่ง
ชุมชนทำฝายทำกันง่าย ๆ ด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น ก้อนหิน ไม้ไผ่ มีเพียงฝายคอนกรีตหนึ่งแห่ง ซึ่งเป็นฝายขนาดใหญ่ที่สุดได้รับงบประมาณสนับสนุนจากโครงการอุบลฯ ไม่ทิ้งกัน ระดับฝายสูงต่ำไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ ทั้งนี้การทำฝายจะไม่กีดขวางการเดินทางของปลาอิไทที่จะว่ายมาวางไข่ ประโยชน์ของฝายชะลอน้ำมีหลายประการ ช่วยชะลอและลดความแรงของน้ำหลาก ดักตะกอน สามารถรักษาระดับน้ำ สร้างความชุ่มชื้นให้ป่า เป็นแหล่งน้ำกินของสัตว์ป่า รวมถึงแหล่งขยายพันธุ์ของกบเขียด
ส่วนบ่อรีชาร์จน้ำ คือการกักเก็บน้ำใต้ดิน ซึ่งได้ประยุกต์ใช้หลักการ “ธนาคารน้ำใต้ดิน” มาใช้ โดยปรับปรุงให้เหมาะสมพื้นที่ เนื่องจากช่วงน้ำหลาก กระแสน้ำจะแรงและเร็วเพราะเป็นพื้นที่ลาดชัน วิธีการดักน้ำทำโดยการขุดเป็นบ่อลึกจนถึงชั้นที่เป็นทรายไว้ เมื่อน้ำหลากมา จะกระแทกเข้ากับผนังของบ่อได้ขุดไว้ มวลน้ำจะไหลวน ช่วยหน่วงให้น้ำค่อยซึมลงชั้นดินได้มากขึ้น ซึ่งวิธีการนี้เหมือนช่วยเพิ่มต้นทุนน้ำ หรือฝากน้ำใต้ดิน นั่นเอง
ด้วยลักษณะทางกายภาพ ทำเลที่ตั้ง และภูมิปัญญาการจัดการน้ำ นำมาสู่การทำงานร่วมกันเป็นเครือข่ายลุ่มลำน้ำโดมใหญ่ในการเฝ้าระวังและวางแผนการจัดการลุ่มน้ำโดยภาคประชาชน เพื่อการฟื้นฟูสร้างสมดุล การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม
ด้านสภาพป่ามีความสมบูรณ์เพิ่มมากขึ้น มีความหลากหลายของพันธุ์พืช โดยเฉพาะต้นคอนแคนหรือผักหวานดง สัตว์ป่าเข้ามาหากินมากขึ้น ปลาอีไทซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นและเป็นแหล่งอาหารของชุมชนเพิ่มจำนวนมากขึ้น เป็นแหล่งอาศัยและขยายพันธุ์ของสัตว์ต่าง ๆ ทั้งนี้การจัดการไฟป่าที่มีประสิทธิภาพช่วยป้องกันและลดการเกิดไฟป่าต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 5 ปี บังคับใช้กติกาที่เข้มงวด ห้ามการตัดทำลาย ใช้เนื้อไม้ อย่างไรก็ตาม คนในชุมชนและนอกชุมชนได้ใช้ประโยชน เก็บหาพืชพรรณอาหารป่า ทั้งเห็ด ไข่มดแดง ดอกกระเจียว
ชุมชนมีกระบวนการสร้างผู้นำที่หลากหลายช่วงวัย โดยมีการเรียนรู้และปลูกฝังอุดมการณ์ร่วมกัน รวมถึงการนำความรู้จากภูมิปัญญาท้องถิ่นและความรู้สมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิต ลักษณะเด่นยังมีผู้นำชุมชนมีความเข้มแข็ง รักใคร่สามัคคี ให้ความเคารพนับถือและเรียนรู้กับผู้นำรุ่นก่อน มั่นคงในการดำรงรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
นอกจากนี้ยังได้ขยายความร่วมมือเป็นเครือข่ายป่าชุมชนในตำบลสีวิเชียร และตำบลโดมประดิษฐ์ ซึ่งมีพื้นที่ร่วมกว่า 250 ไร่ เพื่อต่อยอดความสำเร็จในการอนุรักษ์ รวมถึงพื้นที่ป่าชุมชนบ้านแปดอุ้มทุ่งสมเด็จ มีพื้นที่ป่า จำนวน 3,209 ไร่ ชุมชนสนใจพัฒนาอาชีพและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานในพื้นที่ เช่น กศน. สำนักงานเกษตรอำเภอ เป็นต้น
ชุมชนบ้านซำหวาย
ต.สีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี
ประสานงาน : นายปรึม แก้วลึก
156 หมู่ที่ 3 ต.สีวิเชียร อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี 34260 โทร: 082-796-5823 , 086-3438124 , 080-9965226
ประชากร : ประชากรในพื้นที่ป่าชุมชนหมู่ที่ 3 บ้านซำหวาย จำนวน 912 คน 349 ครัวเรือน และหมู่ที่ 16 บ้านซำหวายพัฒนา จำนวน 848 คน 223 ครัวเรือน รวมประชากรทั้ง 2 หมู่บ้าน จำนวน 1,760 คน
พื้นที่ดำเนินงาน : แยกออกเป็น 2 แปลง ได้แก่
แปลงที่ 1 ป่าชุมชนบ้านซำหวายหมู่ที่ 3 มีจำนวน 516 ไร่ 3 งาน 44 ตารางวา
แปลงที่ 2 ป่าชุมชนบ้านซำหวายพัฒนาหมู่ที่ 16 มีพื้นที่ 426 ไร่ 1 งาน 49 ตารางวา
ระยะเวลาในการทำงานอนุรักษ์ : เริ่มดำเนินการปี พ.ศ. 2550 จนปัจจุบัน (รวมระยะเวลา 17 ปี)